การ detox ลำไส้ ก็เพื่อที่จะขจัดสารพิษที่ตกค้างในร่างกายซึ่งเกิดจากการรับประทานอาหารต่าง ๆ เข้าไป โดยมีความเชื่อที่ว่าเนื้อสัตว์หรืออาหารที่รับประทานเข้าไปบางส่วนจะไม่สามารถถูกย่อยได้ ทำให้เกิดเมือกสะสมในลำไส้แล้วก่อให้เกิดสารพิษเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดจนอาจเกิดพิษต่อร่างกาย ซึ่งในอดีตนั้นการดีท็อกซ์ลำไส้ถือได้ว่าเป็นขั้นตอนทางการแพทย์เพื่อที่จะเตรียมผู้ป่วยก่อนที่จะทำการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่และทวารหนัก หลายคนอาจมีความสงสัยว่าทำไมต้องทำดีท็อกซ์ลำไส้ และทำไปเพื่ออะไร วันนี้เราได้หาคำตอบมาให้ท่านดังนี้
ทำดีท็อกซ์ไปเพื่ออะไร
การทำดีท็อกซ์ก็เพื่อทำความสะอาดและขจัดสิ่งสกปรก ของเสีย รวมทั้งสารพิษที่ตกค้างในลำไส้ออกไป เวลาที่ของเสียต่าง ๆ ถูกกำจัดออกไปไม่หมด อาจส่งผลร้ายต่อร่างกายได้ เรื่องของท้องผูกเกิดขึ้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่มันอาจจะไม่ได้จบแค่ท้องผูก บางครั้งอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นโรคที่เกี่ยวกับลำไส้ ทั้งร้ายแรงและไม่ร้ายแรง และเมื่อมีสิ่งตกค้างภายในลำไส้มาก ๆ ก็จะทำให้เกิดปัญหากลิ่นปาก กลิ่นตัว รวมไปถึงปัญหาผิวพรรณด้วย ฉะนั้นการดีท็อกลำไส้ จึงเป็นทางออกที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของผู้เข้ารับบริการมาก ๆ ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาท้องผูกอย่างเดียว แต่ยังช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ตับ ถุงน้ำดี ไต ตับอ่อน และต่อมน้ำเหลือง รวมไปถึงส่วนอื่นๆ ในร่างกายของเราอีกด้วย
ดีท็อกซ์ลำไส้มีประเภทใดบ้าง
การสวนล้างสำไส้
วิธีนี้จะคล้ายกับการสวนทวารหนัก ซึ่งการสวนล้างลำไส้จะใช้น้ำในปริมาณมากกว่า โดยใช้อุปกรณ์ปั๊มน้ำแรงดันต่ำผ่านเข้าสู่ท่อขนาดเล็กแล้วสอดเข้าไปในทวารหนักของผู้เข้ารับบริการในท่านอน วิธีนี้จะทำให้ล้างของเหลวและของเสียออกจากลำไส้ได้ โดยขั้นตอนทั้งหมดอาจใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
การใช้อาหารเสริม
สำหรับวิธีนี้จะเป็นการดีท็อกซ์ที่ให้ผู้ที่ต้องการล้างลำไส้รับประทานอาหารเสริมชนิดผงหรือน้ำ เพื่อขับของเสียที่อยู่ภายในลำไส้ออกมาไม่ว่าจะเป็นยาระบาย ชาสมุนไพร ยาสวนทวารหนัก เอนไซม์ แมกนีเซียม เป็นต้น ซึ่งสามารถหาซื้ออาหารเสริมเหล่านี้ได้ทั่วไปตามห้างร้านหรือร้านขายยา แต่ควรอ่านฉลากกำกับและปรึกษาเภสัชกรให้ถี่ถ้วนก่อนใช้เสมอ
การทำดีท็อกซ์ลำไส้มีความเสี่ยงหรือไม่
สำหรับการทำดีท็อกซ์ลำไส้นั้นบางวิธีอาจจะต้องใช้น้ำเป็นจำนวนมากเพื่อให้เข้าไปภายในลำไส้และต้องสอดท่อเข้าไปทางทวารหนัก จึงอาจจะเกิดปัญหาที่ทำให้เกิดบาดแผลฉีกขาดที่ทวารหนักได้ ซึ่งก่อนที่จะตัดสินใจทำต้องคิดพิจารณาให้ดี และนอกจากปัญหาแผลฉีกขาดแล้วอาจทำให้มีอาการอาเจียน เวียนศีรษะ เป็นตะคริว ท้องอืด ท้องเสีย เกลือแร่ในร่างกายขาดสมดุล ร่างกายมีปัญหาในการดูดซึมยา เกิดการติดเชื้อ ในผู้เข้ารับบริการบางรายอาจเผชิญภาวะขาดน้ำ ลำไส้ทะลุ ไตวาย น้ำท่วมปอด ได้
เมื่อไหร่ที่ต้องทำดีท็อกซ์ลำไส้
หลายคนอาจมีความสงสัยว่าแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราเข้าข่ายเยื่อบุผนังลำไส้รั่วซึม หรือควรได้รับการสวนล้างลำไส้ หรือไม่ โดยให้เราสังเกตตัวเองได้ง่าย ๆ ว่าเรามีอาการหรือภาวะเหล่านี้หรือไม่ มีปัญหาระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด ท้องผูก ท้องเสีย แสบร้อนอก กรดไหลย้อน สิว ผื่นที่ผิวหนัง แพ้อาหาร มีอาการไมเกรน อ้วนขึ้นผิดปกติ ปวดข้อ เป็นโรคไซนัสอักเสบ หรือติดเชื้อบ่อย มีภาวะวิตกกังวล ซึมเศร้า เมื่อมองดูตัวเองแล้วเข้าข่ายสิ่งที่กล่าวมานี้ อย่าลังเลที่จะเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินอาหารและตับ เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด และหาวิธีรักษาให้ตรงจุดต่อไป
ดีท็อกซ์ลำไส้มีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด
หลายคนอาจจะคิดว่าร่างกายเราจะมีการกำจัดของเสียเป็นประจำ แต่ก็จะมีของเสียบางส่วนที่สะสมและคงค้างในร่างกายเราอยู่ เช่น ในลำไส้ หลอดเลือด ตับ เป็นต้น และเมื่อนานวันเข้าก็เกิดเป็นพิษจนก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย โดยร่างกายอาจจะแสดงออกมาในรูปของการอ่อนเพลีย ความจำแย่ลง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ภูมิต้านทานต่ำ จนในที่สุดอาจนำไปสู่การเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดในสมอง โรคสมองเสื่อม และร้ายแรงที่สุดคือโรคมะเร็งนั่นเอง
การทำดีท็อกซ์ หากจำเป็นต้องทำจะต้องมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ โดยแพทย์จะเป็นผู้ตรวจและวินิจฉัยว่าเห็นสมควร หากปกติหรือมีอาการปวดท้องหรือป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่แนะนำให้ทำเพราะไม่มีประโยชน์ ถือเป็นการทำระยะสั้น ๆ การทำดีท็อกซ์นั้นเมื่อได้ทำไปแล้วผู้เข้ารับบริการจะต้องทำบ่อย ๆ และจะต้องทำไปตลอดเมื่อมีอาการ และการทำดีท็อกซ์เป็นกรรมวิธีทางการแพทย์ จะต้องทำโดยแพทย์หรือพยาบาลเท่านั้น
การทำดีท็อกซ์มีประโยชน์ในด้านใดบ้าง
รู้สึกสดชื่น เพิ่มพลัง
ผู้เข้ารับบริการจะรู้สึกว่าตัวเองเบาลง มีความกระฉับกระเฉงขึ้น เนื่องจากช่วงที่คุณกำลังล้างพิษ คุณจะหยุดการนำเข้าของสารเคมีและสารพิษ รวมทั้งงดรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลคาเฟอีนและไขมันทรานส์ที่เป็นตัวกระตุ้นพลังงานและทำให้เกิดความเมื่อยล้าตามมา เน้นการรับประทานผลไม้และผักสดคุณจึงได้รับพลังงานจากธรรมชาติโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการปรุงแต่ง
ผิวพรรณที่ดีขึ้น
การมีผิวพรรณที่ดีขึ้นจึงเป็นการแสดงผลลัพธ์เชิงบวกจากโปรแกรมดีท็อกที่ชัดเจน วิธีหนึ่งในการช่วยล้างพิษของคุณคือการใช้ซาวน่าเพื่อช่วยให้ร่างกายขับสารพิษออกทางรูขุมขนอาจจะมีผิวที่ดีขึ้นและเรียบเนียนขึ้นในตอนท้ายของแผนการทำดีท็อกซ์ และการทำดีท็อกซ์สามารถช่วยรักษาสิวได้ แม้ว่าสภาพอาจแย่ลงก่อนที่จะดีขึ้นจากปล่อยสารพิษออกมา คุณอาจพบว่าผิวหนังของคุณมีอาการคันหรือเป็นหย่อม ๆ ก่อนที่จางหายไป เนื่องจากเป็นกระบวนการของการดีท๊อกขับสารพิษ
ช่วยป้องกันและรักษาภาวะเจ็บป่วยและโรคเรื้อรัง
การทำดีท็อกซ์จะช่วยร่างกายกำจัดสารอนุมูลอิระเหล่านี้ และส่งเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงมากขึ้น นอกจากนี้การทำดีท็อกซ์ยังช่วยเพิ่มพลัง ส่งเสริมการย่อยอาหาร การนอนหลับ อารมณ์และความรู้สึกที่ดีขึ้น โดยรวมของภาวะสุขภาพที่ดีขึ้น ความเป็นอยู่ที่ดีซึ่งทั้งหมดนี้สามารถป้องกันและรักษารักษาโรคเรื้อรังได้