ผลเสียของการผ่าตัดถุงใต้ตา มีอะไรบ้าง วิธีการผ่าตัดถุงใต้ตาทำได้อย่างไร

ผลเสียของการผ่าตัดถุงใต้ตา

สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับถุงใต้ตาหย่อยคล้อย ร่วมกับมีไขมันนูนออกมา สามารถรักษาให้หายขาดได้โดยการผ่าตัดถุงใต้ตา ซึ่งถุงใต้ตาสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนตั้งแต่วันรุ่นไปจนถึงวัยกลางคน การมีถุงใต้ตา ไม่ถือว่าเป็นโรคแต่ก็ทำให้ดูเหมือนง่วงนอน ดูอ่อนเพลียและดูแก่กว่าวัยมาก ก่อนที่จะทำการรักษาด้วยการผ่าตัด เรามาดูผลเสียของการผ่าตัดถุงใต้ตาว่ามีอะไรบ้างก่อนการตัดสินใจผ่าตัดถุงใต้ตา พร้อมแล้วเรามาดูรายละเอียดของบทความนี้กันเลย

ถุงใต้ตา เกิดจากอะไร

ถุงใต้ตาเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม หรืออายุที่มากขึ้น แต่ส่วนใหญ่จะเกิดจากไขมันในร่างกายที่ดันออกมารวมทั้งมีการหย่อนของกล้ามเนื้อ, การหย่อนคล้อยของผิวหนังใต้ตาตามอายุ, การบวมน้ำและการหย่อนของใบหน้าส่วนล่าง ล้วนมีผลกับการหย่อนของถุงใต้ตา ด้วยถุงใต้ตา ยังสามารถเกิดได้ในคนไข้บางโรคเช่นคนไข้โรคไต โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจบางชนิด ซึ่งกลุ่มนี้อาจมีทั้ง ถุงใต้ตา และรอยคล้ำรอบดวงตาไปด้วย ซึ่งวิธีการรักษารอยคล้ำใต้ตาส่วนใหญ่จะไม่ใช้วิธีการผ่าตัดกัน ดูดไขมันใต้ตา ก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด

การผ่าตัดถุงใต้ตา มีวิธีทำอย่างไรบ้าง

การ ผ่าตัดถุงใต้ตา ในอดีต มีหลักการคือจะนำเอาไขมันที่นูนออกทั้งหมดร่วมกับตัดหนังที่เกิน ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงหลักการเดิมนี้ไปแล้ว เพราะพบว่าการ แก้ไขถุงใต้ตา แบบเดิม ไม่ได้แก้ปัญหา รอยโค้งรูปพระจันทร์ใต้ตา (ตามรูป) ซึ่งเกิดจากไขมันบริเวณโหนกแก้มยุบตัวลงไปร่วมกับการหย่อนคล้อยของใบหน้า

ตอนนี้ศัลยแพทย์รุ่นใหม่ ๆ จะทำการย้ายไขมันในส่วนตา ออกมารอง ร่องรูปโค้งพระจันทร์ใต้ตา หลังการตัดพังผืดระหว่างผิวหนังและกระบอกตาออก เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นรอยใหม่ ทำให้ดูเหมือนว่าการ ตัดถุงใต้ตา ซับซ้อนมากขึ้นแต่กลับได้ผลดีกว่าเดิม

ในกรณีที่มีร่องน้ำตาร่วมด้วยอาจจะต้องนำไขมันนั้นมาเติมร่องดังกล่าวให้ตื้นขึ้นอีก โดยเฉพาะเมื่อคนไข้ไม่ต้องการฉีดสารเติมเต็ม แต่ต้องการเติมสารธรรมชาติเช่นไขมันของตัวเอง

การนำไขมันมาเติมก็จะต้องใช้ไขมันของตัวคนไข้เอง โดยอาจจะสามารถนำไขมันจากถุงใต้ตามาย้ายตำแหน่งใหม่ จัดระเบียบใหม่ หรืออาจจะต้องนำไขมันจากบริเวณอื่นเช่นหน้าท้องมาเพิ่มด้วย การนำไขมันมาในสภาพที่ยังมีชีวิตและสามารถอยู่ได้ในตำแหน่งใหม่ ถือเรื่องสำคัญที่สุดของวิธีการนี้ เพราะต้องการความชำนาญในการทำเช่นกัน

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการผ่าตัดถุงใต้ตาในยุคใหม่ดูจะได้ผลดีกว่าเทคนิคเดิมนะคะ คือมีทั้งการเอาถุงไขมันออก และย้ายตำแหน่งไปที่อื่นที่ต้องการเติมเต็ม รวมทั้งการตัดผิวหนังส่วนเกิน ผ่านเทคนิคการซ่อนแผลอยู่ด้านในของขอบตาล่าง

หลังการผ่าตัด แก้ไขถุงใต้ตา จะต้องพักฟื้นนานหรือไม่

ส่วนใหญ่คนที่รับการผ่าตัด แก้ไขถุงใต้ตา จะพักฟื้นราว 2-3 วันเนื่องจากอาการบวมและจำเป็นต้องประคบตาด้วยความเย็นตลอด แต่สามารถทำงานเป็นปกติได้เกือบหมดใน 1 อาทิตย์ และ อาการบวมช้ำหลังผ่าตัดถุงใต้ตา จะหายสนิทใน 2-4 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นกับแต่ละคน ซึ่งอันนี้สำคัญมากโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีการผ่าตัดอื่น ๆ ที่ซับซ้อนรวมอยู่ด้วย เช่นการแก้รอยย่นรูปดวงพระจันทร์ใต้ตาที่หล่นย้อยลงมา การบวมอาจจะบวมนานกว่า การตัดถุงใต้ตา แบบธรรมดา

โดยปกติในคนที่ได้รับการผ่าตัดไปกว่า 90% จะหายสนิทในสองสัปดาห์ ซึ่งคำว่าหายสนิทนั้น หมายถึงว่าอาจจะพอเห็นอาการเขียวบ้างเพียงเล็กน้อยหรือบวมเล็กน้อย ชนิดว่าสังเกตเห็นได้ไม่ง่ายนัก

แต่ก็มีบางกลุ่มที่ อาการบวมช้ำหลังผ่าตัดถุงใต้ตา อาจจะเป็นมากและนานกว่านั้น โดยเฉพาะคนที่ทำผ่าตัดหลายอย่างร่วมด้วย หรือ ทานยาที่ป้องกันการแข็งตัวของเลือดเช่นแอสไพรินมาก่อนหน้านี้ บางรายพบอาการบวมช้ำมากหลังการทานวิตามินและอาหารเสริมบางชนิดที่มีส่วนประกอบของวิตามินอีและน้ำมันปลา

อีกปัจจัยของ อาการบวมช้ำหลังผ่าตัดถุงใต้ตา ที่แตกต่างกัน ก็จะเห็นชัดในอายุที่แตกต่างกันด้วย เช่น บางรายอาจเคยทำตาสองชั้นเมื่อยี่สิบปีก่อนตอนอายุ 20 กว่าแล้วหายเร็ว บวมน้อย ก็ไม่ได้หมายความว่าทำตาล่างในอายุปัจจุบันจะออกมาเหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ทำการรักษาและผ่าตัดกับคุณหมอท่านเดิม

ผลข้างเคียงหรือผลเสียของการผ่าตัดถุงใต้ตา

ปัญหาที่พบได้บ่อยคือการตัดไขมันออกมากเกินไป ทำให้เกิดการยุบตัวจนตาลึกโบ๋ การตัดถุงใต้ตาแทนที่จะสวยกลับทำให้ดูแก่ขึ้น

การตัดผิวหนังมากเกินไปทำให้ตาแบะออก , เอ็นตาหย่อน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีแนวโน้มเอ็นตาหย่อนอยู่เดิม การทำผ่าตัดตาล่างโดยไม่แก้ไขภาวะเอ็นตาหย่อนจะยิ่งทำให้เอ็นตาหย่อนมากขึ้น จนทำให้หลับตาไม่สนิท หรือมีปัญหาน้ำตาไหลซึม เนื่องจากน้ำตาไหลลงท่อน้ำตาซึ่งอยู่บริเวณหัวตาได้ยากจนทำให้รู้สึกรำคาญ

ผลข้างเคียงอีกชนิดที่ชอบพูดถึงกันบ่อย ๆ จนดูน่ากลัว คือเลือดออกจากการผ่าตัดมากจนทำให้ตาบอดไปเลย ซึ่งอันนี้เป็นไปได้ยากมาก ผลข้างเคียงอันนี้อาจจะเคยมีในอดีต แต่ปัจจุบันมีน้อยเพราะการผ่าตัดปัจจุบันใช้เลเซอร์หรือใบมีดไฟฟ้ากันแล้ว ต่างจากการผ่าตัด แก้ไขถุงใต้ตา ในยุคก่อน ๆ เพราะการกรีดโดยใช้อุปกรณ์พิเศษเหล่านี้ในแต่ละตำแหน่งก็จะหยุดเลือดไหลไปด้วย