สำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับ โบท็อกลดกราม มักจะเป็นหัตถการแรกที่หมอแนะนำให้คนไข้ทำโบท็อก คือ ชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ ( Botulinum toxin type A) ซึ่งเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) โบท็อกถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงาม เมื่อฉีดไปแล้วจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราวและช่วยลดริ้วรอยได้เป็นการฉีดเพื่อปรับทรงรูปหน้า โดยใช้โบท็อกซ์ประเภทเดียวกับที่ใช้ฉีดใบหน้าและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย สำหรับโบท็อกซ์ฉีดลดกรามนั้น ฉีดโบลดกราม ราคาขึ้นอยู่ที่ตัวยา โบท็อกซ์ที่ชื่อว่า Botulinum Toxin A ที่สกัดมาจากแบคทีเรียจะออกฤทธิ์ไม่ให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามขยับได้ส่งผลให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง
ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามมีขั้นตอนอย่างไร?
โดยปกติแล้ว การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามไม่จำเป็นต้องใช้ยาชาหรือยาระงับความรู้สึก เพราะ นอกจากจะไม่เจ็บมากแล้ว การฉีดโบท็อกซ์แต่ละจุดยังใช้เวลาไม่นาน เพียง 5 – 10 นาทีต่อจุดก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ซึ่งความเจ็บนั้นจะแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล ถ้าหากใครทนเจ็บไม่ได้
แพทย์ก็จะทำการทายาชาที่บริเวณกรามก่อนฉีดประมาณ 30 นาที และประคบเย็นทันทีหลังจากเคลียร์หน้าทำความสะอาดหลังฉีดลดกรามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากดำเนินการเสร็จทุกขั้นตอน ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นในบางกรณี ผู้เข้ารับบริการบางรายอาจรู้สึกตึงที่กรามและบริเวณใบหน้าขณะฉีด ซึ่งหากแพทย์ผู้ทำการฉีดมีความเชี่ยวชาญและเลือกโบท็อกซ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของผู้เข้ารับบริการ ส่วนใหญ่แล้ว การฉีดโบท็อกซ์กรามจะไม่ทิ้งรอยเข็ม รอยแดง และรอยช้ำให้เห็นบริเวณใบหน้าแต่อย่างใด
จะรู้ได้อย่างไรว่าควรฉีดโบท็อกซ์ลดกราม?
ถึงการฉีดโบท็อกซ์กรามนั้นมีส่วนช่วยทำให้รูปหน้าดูเรียวได้ก็จริง แต่ยังมีหลาย ๆ คน ที่สงสัยว่า เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเราเหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์กราม? ขอแนะนำวิธีดูปริมาณและขนาดของกล้ามเนื้อกรามง่าย ๆ ดังนี้
- ให้เราลองเอามือทั้งสองข้างมาจับช่วงกรามและทำการขยับปากหรือกัดฟัน
- หากพบว่ามีกล้ามเนื้อล้นออกมาจากมือหลังจากที่ทำทั้ง 2 วิธีแล้ว ก็แสดงว่า เรากำลังมีกล้ามเนื้อกรามที่เยอะไป และสามารถมาปรับรูปหน้าได้โดยการฉีดกราม
การตรวจสอบกล้ามเนื้อกรามแบบคร่าว ๆ แต่หากใครอยากรู้วิธีแก้ไขกล้ามเนื้อในส่วนนี้ที่ถูกต้องและตรงจุดจริง ๆ เราขอแนะนำให้ทุกคนลองเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยในการตัดสินใจอีกครั้งว่า สามารถใช้โบท็อกซ์ลดกรามเพื่อปรับรูปหน้าให้สวยได้อย่างที่คุณต้องการจริง ๆ หรือไม่ หรือว่าต้องใช้วิธีอื่นในการรักษา เป็นต้น
ข้อควรระวังในการทำโบท็อกซ์ลดกราม
สำหรับผู้ที่ต้องการฉีดกรามด้วยโบท็อกลดกราม ควรปฏิบัติตัวก่อนฉีด ดังนี้
- งดการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS ประเภท Naproxen และ Ibuprofen เพื่อลดอาการบวมช้ำที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการฉีดโบท็อกซ์กราม
- หากคุณมีประวัติเคยเป็นโรคเริมที่ริมฝีปากก็อย่าลืมแจ้งแพทย์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำการปรึกษา เพราะในบางกรณีอาจมีผู้ป่วยมีอาการเริมกำเริบหลังจากฉีดโบท็อกซ์จนแพทย์ต้องจ่ายยาป้องกันเริมให้
- พักผ่อนให้เพียงพอ และงดสูบบุหรี่ รวมถึงดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะอาจมีผลทำให้เกิดการอักเสบได้
การฉีดโบท็อกลดกราม ราคาเท่าไร?
ราคาของการฉีดโบท็อกลดกราม ขึ้นอยู่กับยี่ห้อผลิตภัณฑ์โบท็อกที่เลือกใช้ เช่น โบท็อกของอเมริกาจะมีราคาสูงกว่าของเกาหลี แต่ก็จะมีความบริสุทธิ์มากกว่า
สำหรับการฉีดโบท็อกลดกราม กี่วันถึงเห็นผลของการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ?
สำหรับการการฉีดโบท็อกลดกรามนั้นจะไม่ต้องเสียเวลาสำหรับการพักฟื้น เพราะจะเห็นผลไว โดยหลังฉีดประมาณ 14 วัน กล้ามเนื้อกรามก็จะนิ่มลง กัดฟันแล้วกล้ามเนื้อกรามเริ่มไม่เด้ง เริ่มเห็นว่ายุบลงตอน 1 เดือน ยุบเต็มที่ตอน 2-3 เดือน