ฉีดโบท็อก เป็นนวัตกรรมที่นิยมใช้สำหรับลดริ้วรอย ยกกระชับใบหน้าและลำคอ รวมถึงลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณต่าง ๆ การฉีดโบท็อกเป็นวิธีเสริมความงามที่มาแรงและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง อาจจะเพราะโบท็อกซ์เป็นวิธีที่ช่วยตอบโจทย์ผู้ที่รักสวยรักงามแบบทันใจเพราะเห็นผลภายใน 3-7 วันการดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังฉีดโบท็อกซ์ต้องทำอย่างไรบ้าง รวมไปถึงข้อควรระวัง ความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้หลังจากการฉีดโบท็อกซ์ เป็นนวัตกรรมเพื่อลดริ้วรอยและปรับรูปใบหน้าซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก
Botox มียี่ห้ออะไรบ้าง และมีข้อดีแตกต่างกันอย่างไร
ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์หลายยี่ห้อให้ผู้เข้ารับบริการและแพทย์ได้เลือกใช้ และแต่ละยี่ห้อก็จะมีขนาดโมเลกุล ความบริสุทธิ์ และปริมาณสาระสำคัญที่แตกต่างกัน จึงทำให้คุณสมบัติและราคาแตกต่างกันไปด้วย ได้แก่
อัลเลอร์แกน (Allergan)
ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นโบท็อกซ์ตัวดั้งเดิมที่ผลิตมายาวนาน มีงานวิจัยรองรับจำนวนมาก และผ่านการพัฒนาเพื่อให้ผู้เข้ารับบริการมีโอกาสดื้อยาน้อยที่สุด
ข้อดีของโบท็อกซ์ยี่ห้อนี้ คือ กระจายตัวแคบ ทำให้ควบคุมการฉีดได้แม่นยำ ตรงจุด แต่ในทางกลับกัน หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ ก็จะเห็นข้อผิดพลาดได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาคิ้วกระดก ยิ้มแข็งหรือแก้มตอบ
ดิสพอร์ต (Dysport) ผลิตในประเทศอังกฤษ มีจุดเด่น คือ กระจายตัวได้ดี จึงเหมาะสำหรับใช้ฉีดในบริเวณกว้าง เช่น ฉีดลดเหงื่อ ลดต้นแขน ลดน่องปูด
ซีโอมิน (Xeomin) ผลิตในประเทศเยอรมนี มีจุดเด่นคือ มีการนำสารโปรตีนขนาดใหญ่ตัวอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นออก ทำให้เหลือเฉพาะสารโบทูลินัม ท็อกซิน เอบริสุทธิ์ และเป็นโมเลกุลเล็ก เมื่อฉีดแล้วจะไม่กระจุกตัวแคบเกินไป และมักได้ผลดีแม้ในกรณีที่ดื้อยาแต่จุดด้อยของโบท็อกซ์ยี่ห้อนี้ คือ ผู้เข้ารับบริการจะต้องหยุดการฉีดโบท็อกซ์มาแล้วอย่างน้อย 2-3 ปี และราคาของโบท็อกซ์ยี่ห้อนี้ค่อนข้างสูง
นูโรน็อกซ์ (Neuronox) ผลิตในประเทศเกาหลี คุณสมบัติค่อนข้างใกล้เคียงกับยี่ห้ออัลเลอร์แกน คือ มีการกระจายตัวค่อนข้างแม่นยำใกล้เคียงกัน แต่ราคาจะถูกกว่าประมาณครึ่งหนึ่ง
โบทูแล็กซ์ (Botulax) ผลิตในประเทศเกาหลี จุดเด่นคือ ออกฤทธิ์เห็นผลค่อนข้างไว ราคาประหยัด แต่ข้อเสียคือ สลายตัวเร็ว ไม่ค่อยคงทนยาวนานมากนัก
นาโบตะ (Nabota) ผลิตในประเทศเกาหลี จัดเป็นโบท็อกซ์ยี่ห้อพรีเมียม มีสารโบทูลินัม ท็อกซิน เอบริสุทธิ์สูง ออกฤทธิ์เร็ว เน้นใช้เพื่อลดเลือนริ้วรอยที่หน้าผาก หางตา ปรับรูปหน้า ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามดูเล็กลง
ผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ที่กล่าวมาข้างต้นทุกยี่ห้อได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยาของประเทศไทยแล้ว แต่โบทอกซ์ทุกยี่ห้อมีข้อควรระวังทั้งสิ้น
ก่อนฉีดโบท็อกซ์ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ก่อนเข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์ ผู้เข้ารับบริการจำเป็นจะต้องเข้าพบแพทย์เสียก่อน เพื่อทำการตรวจผิวหนังและปรึกษาเกี่ยวกับบริเวณที่จะฉีด ดังนั้นผู้เข้ารับบริการจึงอาจต้องมีการเตรียมตัวดังต่อไปนี้
งดรับประทานยา หรือวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น
ก่อนฉีดโบท็อกซ์ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ก่อนเข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์ ผู้เข้ารับบริการจำเป็นจะต้องเข้าพบแพทย์เสียก่อน เพื่อทำการตรวจผิวหนังและปรึกษาเกี่ยวกับบริเวณที่จะฉีด ดังนั้นผู้เข้ารับบริการจึงอาจต้องมีการเตรียมตัวดังต่อไปนี้
- งดรับประทานยา หรือวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น
- ยาแอสไพริน (Aspirin)
- ยาแก้ปวดกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-SteroidalAnti-Inflammatory Drugs: NSAIDs)
- ยาวาร์ฟาริน (Warfarin)
- วิตามินซี
- น้ำมันตับปลา
- แปะก๊วย
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เหล้า เบียร์ ไวน์ น้ำหมัก
- งดรับประทานอาหารประเภทหมูกะทะ ปิ้งย่าง ชาบู ที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ
- งดรับประทานอาหารที่เผ็ดมาก ๆ หรือแสบร้อนจนหน้าแดง
- งดรับประทานอาหารหมักดอง เพราะมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว เช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง มะม่วงดอง
- งดสูบบุหรี่ ในบุหรี่มีสารหลายชนิดที่ขยายหลอดเลือด ไม่ควรประคบร้อนงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เหล้า เบียร์ ไวน์ น้ำหมัก
- งดรับประทานอาหารประเภทหมูกะทะ ปิ้งย่าง ชาบู ที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ
- งดรับประทานอาหารที่เผ็ดมาก ๆ หรือแสบร้อนจนหน้าแดง
- งดรับประทานอาหารหมักดอง เพราะมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว เช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง มะม่วงดอง
- งดสูบบุหรี่ ในบุหรี่มีสารหลายชนิดที่ขยายหลอดเลือด ไม่ควรประคบร้อน
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์
หลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้ว ผู้เข้ารับบริการควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ซึ่งมักได้แก่
- ไม่นอนราบในช่วง 3-4 ชั่วโมงแรกหลังจากฉีดโบท็อกซ์ เพราะโบท็อกซ์อาจไหลไปในบริเวณที่ไม่ต้องการ
- ให้นอนหงายหนุนหมอนสูง ในคืนแรกของการรักษา
- ไม่ประคบร้อน และระวังอย่าให้ลมร้อนจากไดร์เป่าผมไปเป่าบริเวณที่เพิ่งฉีดโบท็อกซ์มาเป็นเวลา 2 สัปดาห์
- ไม่นวด กด บีบ คลึง บริเวณที่เพิ่งทำการฉีดโบท็อกซ์มา เป็นเวลา 6-8 ชั่วโมง เนื่องจากการทำให้ยากระจายไปออกฤทธิ์ยังบริเวณอื่นได้
- หากมีอาการบวมแดงหรือช้ำในช่วง 1-2 วันแรกหลังการฉีดโบท็อกซ์ (ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้เนื่องจากเข็มฉีดยา) ให้ใช้น้ำแข็งประคบได้
- ควรไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อประเมินผลการรักษา และหากพบความผิดปกติก่อนวันนัด เช่น หนังตาตก ปวดศีรษะ ปวดคอ เห็นภาพซ้อน ตาแห้ง มีอาการแพ้หรือหายใจไม่สะดวก ควรติดต่อแพทย์ทันทีเพื่อปรึกษาว่า ควรเลื่อนการฉีดโบท็อกซ์ออกไปก่อนดีหรือไม่