รูปแบบของการสักคิ้วมีแบบใดบ้าง และการสักคิ้วสไลด์ธรรมชาติต่างจากการสักคิ้วลายเส้นอย่างไร

สักคิ้วสไลด์ธรรมชาติ

การที่คนเรามีคิ้วที่บาง คิ้วที่ไม่ได้รูปหรือคิ้วขนาดไม่เท่ากัน นับเป็นเรื่องน่ากังวลใจของใครหลายคน เพราะทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจได้ แต่ปัจจุบันมีนวัตกรรมการสักคิ้วหลากหลายรูปแบบ ซึ่งการสักคิ้วสไลด์ธรรมชาติถือเป็นหนึ่งในวิธีการสักคิ้วที่นิยมใช้ในยุคนี้ เพื่อที่จะช่วยให้ใบหน้าดูเด่นและคมสวยขึ้น ซึ่งแต่ละรูปแบบก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน รวมถึงราคาก็แตกต่างกันด้วย สำหรับการสักคิ้วสไลด์ธรรมชาตินั้นจะมีลักษณะทึบ ๆ เหมือนเขียนคิ้ว คิ้วสไลด์มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า คิ้ว 3 มิติแบบทึบ เป็นการสักคิ้วที่สักให้เหมือนกับการเขียนคิ้ว โดยไล่สีหัวคิ้วให้จาง ส่วนหางคิ้วจะมีสีเข้มกว่า

รูปแบบของการสักคิ้วมีอะไรบ้าง และแต่ละแบบต่างกันอย่างไร

การสักคิ้วตามคลินิกหรือสถาบันเสริมความงามมีหลายรูปแบบ ดังนี้

  • สักคิ้วถาวร เป็นรูปแบบดั้งเดิมที่สุด ซึ่งปัจจุบันไม่ค่อยได้รับความนิยมแล้ว เนื่องจากเป็นการสักทึบ เหมือนเป็นการระบายสีลงบนคิ้ว จึงดูไม่เป็นธรรมชาติ
  • สักคิ้วลายเส้น 3 มิติ เป็นรูปแบบที่กำลังได้รับความนิยม เริ่มแรกช่างสักจะออกแบบคิ้วให้เหมาะกับรูปหน้าและความต้องการของผู้ต้องการสัก จากนั้นจะเลือกสีหมึกให้เหมาะสม เช่น สีน้ำตาลเข้ม น้ำตาลอ่อน เป็นต้น ทายาชา แล้วลงมือสัก โดยจะใช้มีดกรีดเขียนเป็นเส้นขนทีละเส้น แทรกในขนคิ้วจริง แล้วจึงผลักหมึกให้ซึมลงไปในเส้นที่ทำไว้ ทำให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ดูเจาะจงเหมือนการเขียนคิ้วที่เข้มมากเกินไป
  • สักคิ้วลายเส้น 6 มิติ เป็นรูปแบบที่พัฒนามาจากการสักคิ้ว 3 มิติ มีขั้นตอนการสักคล้ายคลึงกัน แต่เส้นขนที่สักลงบนคิ้วจะมีความพริ้วไหว คมชัด และเส้นละเอียด ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า แต่เนื่องจากเป็นการสักที่ต้องใช้ความละเอียด จึงใช้เวลาค่อนข้างนาน และราคาสูงกว่าด้วย
  • คิ้วสไลด์ อีกหนึ่งวิธีที่เสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ไม่กล้าเสี่ยงสักคิ้ว เพราะวิธีนี้เป็นเพียงการเพ้นท์สีลงไปบนแนวคิ้ว เพื่อทำให้ทรงคิ้วชัดขึ้นเท่านั้น ไม่เจ็บเหมือนการสัก ทำให้คิ้วดูเป็นธรรมชาติ และช่วยลดเวลาการเขียนคิ้วลง

ความแตกต่างของการสักคิ้วสไลด์กับการสักคิ้วลายเส้นมีอะไรบ้าง

สำหรับการสักคิ้วถือได้ว่าเป็นตัวช่วยที่ทำให้สาว ๆ มีคิ้วที่สวยงามได้รูป แต่ด้วยเทคนิคการสักคิ้วที่มีมากมาย จนหลายคนสับสน ตามไม่ทันว่าแตกต่างกันอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นคิ้ว 3 มิติ, คิ้ว 6 มิติ หรือแม้กระทั่งคิ้วสไลด์ วันนี้เราจะมาช่วยไขข้อสงสัยเหล่านี้กันค่ะ ว่าเทคนิคการสักคิ้วต่าง ๆ ต่างกันอย่างไร และแบบไหนเหมาะกับใครกันบ้าง

สักคิ้วสไลด์เทคนิคที่ช่วยให้คิ้วสวยเหมือนการเขียนคิ้ว

สักคิ้วสไลด์ เป็นการสักคิ้วที่ผู้เข้ารับบริการจะได้รับเหมือนกับการเขียนคิ้ว โดยไล่สีหัวคิ้วให้จาง ส่วนหางคิ้วจะมีสีเข้มกว่า ว่ากันง่าย ๆ ก็เหมือนตอนที่สาว ๆ ใช้ดินสอเขียนคิ้วนั่นเอง การสักคิ้วสไลด์เหมาะกับสาว ๆ ที่ชอบแต่งหน้าเขียนคิ้ว ชอบความคมเข้มดูมีมิติ ไม่ต้องเสียเวลามานั่งวัดคิ้ว ขึ้นโครง ละเลงดินสอเขียนคิ้วให้ปวดหัวทุกเช้า

สักคิ้วลายเส้นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยให้เส้นคิ้วสวยคมเป็นธรรมชาติ

การสักคิ้ว 3 หรือ 6 มิติ ที่มีลักษณะเป็นลายเส้นคิ้วที่เลียนแบบขนคิ้วจริง ดูเป็นธรรมชาติมาก ความแตกต่างระหว่างสักคิ้ว 3 มิติ กับ 6 มิติ ก็คือ สักคิ้ว 3 มิติ ด้วยการวาดขนคิ้วเป็นเส้น ๆ แทรกในแนวขนคิ้วตามธรรมชาติ สำหรับการสักลายเส้น 6 มิติ จะเป็นลายเส้นที่มีความสลับซับซ้อน และเน้นลายเส้นที่อิงธรรมชาติ จนดูเหมือนเส้นขนคิ้วจริง ไม่หลอกตา ส่วนการสักนั้นจะเป็นการใช้เทคนิคผสมเฉดสีที่เหมาะสมกับแต่ละคน การสักคิ้วแบบ 3 มิติ และ 6 มิติจะเหมาะกับสาว ๆ ที่ชอบความเป็นธรรมชาติ แบบไม่ต้องเขียนคิ้วให้ยุ่งยากทุกวัน จะได้ลายเส้นออกมาเนียนสวยเป็นธรรมชาติ เรียกได้ว่าตื่นเช้ามาก็สวยพร้อมได้ทุกวัน

สักคิ้วสไลด์ เหมาะกับใคร?

การสักคิ้วสไลด์เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการแต่งเสริมเติมแต่งคิ้วนั้น เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการความสวยตามเทรนด์ เพราะการสักคิ้วสไลด์จัดว่าเป็นหนึ่งในแฟชั่นเพื่อความงาม เนื่องจากการสักคิ้วสไลด์จะมีอายุอยู่ที่ 1 ปีหรือน้อยกว่านั้นเท่านั้น หลังจากนั้นสีจากการสักคิ้วสไลด์จะจางหายลงไปจนกลับไปเป็นแบบเดิม เมื่อมีเทรนด์ใหม่เข้ามา สาว ๆ อาจสนใจเทรนด์ใหม่มากกว่าจะสไลด์คิ้วแบบเดิมก็สามารถทำได้

เตรียมตัวอย่างไรเมื่อต้องไปสักคิ้วสไลด์

ก่อนสักช่างสักจะทำการป้ายยาชาและทิ้งไว้สักพักเพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์เต็มที่ จากนั้นช่างจึงลงมือสัก โดยอาจให้ยาชาซ้ำระหว่างการสัก ซึ่งเป็นยาชาที่ออกฤทธิ์ได้ทันที ดังนั้นจึงไม่รู้สึกเจ็บ หรืออาจเจ็บเพียงเล็กน้อย

ทั้งนี้การสักคิ้วอาจเสี่ยงติดเชื้อได้ หากสถานที่ และอุปกรณ์ไม่สะอาด หรือช่างสักไม่มีความชำนาญเพียงพอ ก็อาจทำให้คิ้วของคุณไม่สวยได้รูปตามที่ตั้งใจไว้ ดังนั้นควรตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียด ดังนี้

  • คลินิกที่จดทะเบียนอย่างถูกต้อง
  • อุปกรณ์ที่ใช้สักได้มาตรฐาน มีการทำความสะอาดอุปกรณ์อย่างเหมาะสม
  • ช่างสักก็ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ ได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง

หากเราตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียด อันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการสักคิ้วก็จะหมดไปนั่นเอง