13 วิธีกำจัดและป้องกันกลิ่นตัวภาษาอังกฤษ

กลิ่นตัวแรงภาษาอังกฤษ กลิ่นตัวเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะมองข้าม  หากเป็นคนที่มีกลิ่นตัวแรง ถึงแม้ว่าจะมีอัธยาศัยดีเพียงไร แต่จะไม่มีใครอยากเข้าใกล้เลย  กลิ่นตัวเป็นปัญหาสามารถทำให้เสียบุคลิกภาพและขาดความมั่นใจเป็นอย่างมาก ทำให้การทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวันมีอุปสรรคเป็นอย่างมาก จึงต้องให้ความใส่ใจในการป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากปัญหากลิ่นตัว ไม่ให้มารบกวนใจอีกต่อไป

กลิ่นตัวคืออะไร

คือ กลิ่นเหม็น หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ เป็นผลมาจากต่อมเหงื่อที่ทำงานมากขึ้น เพื่อควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมาก โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ เท้า หรือขาหนีบ เมื่อเหงื่อสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง จึงทำให้เกิดกลิ่นตัว หรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเพศหญิง และชาย แต่เพศชายจะมีกลิ่นที่ค่อนข้างแรงกว่า เพราะในเพศชายมีต่อมเหงื่อที่เยอะกว่า และรักษาความสะอาดได้ไม่ดีเท่ากับเพศหญิง

บทความแนะนำ เนื้อปลิ้นใต้รักแร้ จากเว็บไซต์ Rattinan.com

วิธีกำจัดและป้องกันกลิ่นตัว

กลิ่นตัวแรงภาษาอังกฤษ การมีเหงื่อออกมากและกลิ่นตัวเป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเอง โดยปกติกลิ่นตัวสามารถจัดการได้ด้วยการกำจัดแบคทีเรียบนผิวหนังที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว โดยเฉพาะที่บริเวณรักแร้ ควรทำความสะอาดและไม่ให้เปียกชื้น หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหากลิ่นตัว หมั่นดูแลไม่ให้มีเหงื่อออกมาก รวมถึงสามารถปฏิบัติได้ตามคำแนะนำดังต่อไปนี้ ดูดไขมัน

  1. อาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรก ทำความสะอาดร่างกายและกำจัดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง ควรใช้สบู่กำจัดแบคทีเรียโดยตรง เพื่อลดแบคทีเรียที่เกาะอยู่ตามผิวหนัง หลังอาบน้ำควรเช็ดตัวให้แห้ง เพื่อไม่ให้เกิดการอับชื้น ลดโอกาสการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
  2. ดูแลรักแร้ให้สะอาด รักแร้เป็นอวัยวะที่มีต่อมอะโพไครน์เป็นจำนวนมากซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว ผู้ที่มีกลิ่นตัวแรงไม่ควรไว้ขนรักแร้ แม้กระทั่งเพศชายก็ตาม เพราะหากมีเหงื่อออกที่รักแร้ จะทำให้เกิดการอับชื้น ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างรุนแรง ควรอาบน้ำและทำความสะอาดบริเวณรักแร้ให้สะอาดอยู่เสมอโดยใช้สบู่ หรือผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงเล็มหรือโกนขนรักแร้เป็นประจำ เพื่อทำให้เหงื่อระเหยได้ไวขึ้น และลดการสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรีย ควรดูแลใต้วงแขนให้แห้งเสมอ จะช่วยลดการเกิดกลิ่นตัวได้
  3. สารระงับเหงื่อ (Antiperspirant) ที่มีส่วนผสมของอลูมิเนียมคลอไรด์ (Aluminium Chloride) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดการผลิตเหงื่อ ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า เมื่อเหงื่อสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดกลิ่นตัว ให้ใช้สารระงับเหงื่อทาที่รักแร้เป็นประจำทุกคืนในช่วงก่อนเข้านอนแล้วล้างออกในตอนเช้า หากปริมาณเหงื่อลดลงอาจปรับการใช้งานเป็นวันเว้นวัน หรือ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
  4. ยาดับกลิ่นตัว (Deodorant) จะช่วยกำจัดกลิ่นตัว แต่ไม่สามารถลดการผลิตเหงื่อได้ ยาระงับกลิ่นตัวส่วนใหญ่จะมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งจะปรับสภาพผิวให้มีความเป็นกรดมากขึ้น และลดการเกิดปฏิกิริยากับแบคทีเรีย หรือยาระงับกลิ่นตัวที่มีส่วนผสมของน้ำหอมจะช่วยปกปิดกลิ่นเหงื่อหรือกลิ่นตัวได้
  5. สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาดและมีการระบายอากาศดี หมั่นทำความสะอาดเสื้อผ้าเป็นประจำ ไม่ใส่เสื้อผ้าซ้ำโดยไม่ซัก เปลี่ยนชุดหลังออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมาก รวมถึงเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน หรือผ้าไหม จะช่วยระบายอากาศและทำให้เหงื่อระเหยได้ไวขึ้น และเมื่อทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ควรรีบอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
  6. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรง ผงกระหรี่ อาหารหมักดอง เช่น ปลาร้า หรือเนื้อแดง รวมถึงผักและผลไม้บางชนิด เช่น กระเทียม หอม ทุเรียน สะตอ และชะอม เป็นต้น เพราะอาหารเหล่านี้จะสามารถซึมออกมาทางรูขุมขน ทำให้เหงื่อมีกลิ่น และเกิดกลิ่นตัวได้ซึ่งหากสามารถหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ได้ ก็จะช่วยให้กลิ่นตัวค่อย ๆจางลงอย่างแน่นอน หรือในบางคนก็อาจแทบไม่มีกลิ่นตัวเลย
  7. ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) ความเข้มข้น 3% ผสมน้ำ 1 ถ้วยแล้วเช็ดในบริเวณที่มีกลิ่นตัว เช่น รักแร้ หรือขาหนีบ เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว
  8. ใช้เบคกิ้งโซดา (Baking Soda) นำเบคกิ้งโซดามาผสมน้ำให้พอข้น ๆ แล้วทาไปตามจุดต่าง ๆที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว เช่น รักแร้ ขาหนีบ ข้อพับเข่า ท้ายทอย ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออกให้สะอาด ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ยากเลย หากมีกลิ่นตัวแรงแนะนำให้ลองนำวิธีนี้ไปใช้ดู
  9. สารส้ม (Alum) มีราคาไม่แพง โดยกวนสารส้มในน้ำ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว เช็ดบริเวณรักแร้และขาหนีบ จะช่วยดับกลิ่นตัวได้ สารส้มสามารถช่วยระงับกลิ่นได้ 100 % นานถึง 24 ชม. และหน่วงการเกิดกลิ่นได้ไม่ต่ำกว่า 10 ชม.
  10. ปรึกษาแพทย์ หากพบว่ามีเหงื่อหรือกลิ่นตัวรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือพบว่ามีเหงื่อออกมากผิดปกติ  ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติในร่างกายที่เรียกว่าภาวะหลั่งเหงื่อมาก (Hyperhidrosis) หรือเป็นผลมาจากการใช้ยาบางชนิด เพื่อวินิจฉัยและทำการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
  11. ควรงดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะสองสิ่งนี้ มีสารชนิดหนึ่งที่จะไปกระตุ้นให้ต่อมเหงื่อทำงานมากยิ่งขึ้น จึงทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์มากกว่าเดิม
  12. ดีท็อกซ์ร่างกาย การดีท็อกซ์ คือ การล้างสารพิษในร่างกายด้วยวิธีต่าง ๆ เชื่อกันว่าวิธีนี้จะทำให้ภายในร่างกายมีความสะอาดมากยิ่งขึ้น จึงทำให้กลิ่นตัวค่อย ๆหายไปเองด้วย อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ดีต่อสุขภาพมากทีเดียว
  13. อย่าขัดผิวบ่อย ๆ ถึงแม้ว่าการขัดผิวจะเป็นวิธีการทำลายแบคทีเรียที่เกาะอยู่ตามผิวหนังได้เป็นอย่างดี แต่อย่าลืมว่าร่างกายของเราก็มีแบคทีเรียดีที่มีประโยชน์ต่อผิวอยู่ด้วย การขัดผิวที่มากกว่าสัปดาห์ละ 2 ครั้ง อาจทำให้แบคทีเรียที่ช่วยลดกลิ่นตัวถูกทำลาย ทำให้เกิดกลิ่นที่แรงขึ้น

บทความแนะนำ ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก จาก Rattinan.com