หากต้องการลบรอยสักควรเลือกสถานบริการอย่างไร

การลบรอย

การสักลายนั้นถือเป็นงานศิลปะที่กระทำบนร่างกายมนุษย์ ซึ่งจะเป็นพื้นที่ที่รองรับความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ผลงานที่ออกมานั้นจะได้รับความพึงพอใจหรือไม่นั้นก็จะขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลที่ทำการเสพงานศิลปะประเภทนั้น ๆ หากผลงานที่ออกมาเป็นที่ถูกอกถูกใจก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าผลงานออกมาไม่สวยไม่ถูกใจก็อาจจะต้องหาวิธีแก้ไข ซึ่งการลบรอยสักถือเป็นวิธีแก้อีกวิธีหนึ่งที่ไม่ได้ทำกันได้ง่าย ๆ ผู้เข้ารับบริการจะต้องเลือกสถานบริการที่มีผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญและชำนาญการที่มากพอเพราะหากไม่มีความชำนาญอาจทำให้เกิดอันตรายได้ และการลบนั้นก็จะมีหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด การขัดผิวหนัง หรือการลบด้วยเลเซอร์วิธีนี้ถือได้ว่าเป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด และการจะเลือกทำเลเซอร์กับสถานบริการนั้นจะต้องเลือกอย่างไรถึงจะปลอดภัยเรามาดูกัน

เลือกสถานบริการลบรอยสักควรเลือกอย่างไร

สำหรับการเลือกสถานบริการเพื่อแก้ไขผลงานที่อาจเกิดการผิดพลาดควรพิจารณาอย่างไรบ้างนั้นวันนี้เราขอนำเสนอ ดังนี้

เลือกสถานบริการที่ให้บริการในรูปแบบเลเซอร์

เลเซอร์ที่ใช้ในการลบรอยนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ เลเซอร์ทับทิม (Ruby Laser), เลเซอร์เอ็นดีแย็ก (ND – YAG Laser) และ เลเซอร์พิโคเวย์ (PicoWay Laser)

เลือกสถานบริการที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีเครื่องมือทันสมัย

ควรเลือกสถานบริการที่มีความน่าเชื่อถือ มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย เนื่องจากจำเป็นจะต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจเฉพาะทางมาทำงาน เพื่อทำการรักษาได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมตามสภาพผิวและรอยสัก อีกทั้งยังต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานสากล มีความทันสมัย เพื่อสร้างความมั่นใจ ความเชื่อมั่นในเรื่องของความปลอดภัยของผู้ที่มารับบริการ

เลือกสถานบริการที่มีราคาเหมาะสมกับคุณภาพ

ค่าบริการถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือก ซึ่งควรจะเป็นราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพที่ได้รับไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือการแพทย์ การดูแลเอาใจใส่ที่เป็นมิตรของทีมงาน

ทำไมต้องลบรอยสัก

การตัดสินใจที่จะลบรอยสักนั้นอาจจะเกิดจากหลายปัจจัยบางคนสักมาแล้วไม่สวยรู้สึกไม่มีความรู้สึกกับลายที่ได้มา หรืออาจจะเป็นเพราะลายสักนั้นจางลง หรืออาจเป็นเพราะลายสักไม่เหมาะกับบุคลิกของผู้สัก จึงอยากลบ หรือลบเพื่อเปลี่ยนลายสักใหม่ นอกจากนั้น การลบรอยสักอาจทำเพราะความจำเป็น เนื่องจากผู้สักลายมีปฏิกิริยาแพ้ต่อสีที่ใช้ในการสักลาย หรืออาจเป็นเพราะอาการข้างเคียงอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อ เป็นต้น

ปัจจัยที่มีผลต่อการลบรอยสักมีอะไรบ้าง

  1. ขนาดของรอยสักจะเล็กหรือใหญ่อาจไม่ได้มีผลเท่ากับสี เพราะอย่างที่บอกไปว่าแต่ละสีจะมีความยากง่ายในการลบต่างกัน
  2. ตำแหน่งของร่างกายที่สักจะมีผลในเรื่องการเกิดแผลเป็นหลังจากการลบรอยสัก อย่างเช่นบริเวณหลัง หน้าอก บริเวณนี้จะเป็นตำแหน่งที่ไม่ว่าจะทำอะไรเราก็เกิดแผลเป็นง่ายกว่าปกติอยู่แล้ว อาจจะต้องมีข้อควรระวังเพิ่มขึ้น แต่มีบางตำแหน่งอย่างที่ลบยากจะเป็นพวกสักอายไลน์เนอร์เป็นตำแหน่งใกล้ตา ซึ่งเลเซอร์ที่ใช้ในการลบพวกนี้จะเป็นอันตรายกับจอประสาทตา ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่จะทำให้ตาสูญเสียการมองเห็นได้
  3. เรื่องของระดับความลึก ถ้าสักเป็นลักษณะ Professional Tattoo หรือใช้เครื่องสักจะลบไม่ยาก เพราะระดับของการสักนั้นอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ในขณะเดียวกันถ้าสักแบบพวกมือสมัครเล่น การสักจะอยู่คนละระดับกัน ทำให้ยิ่งลบยาก พวกนี้จะค่อนข้างซับซ้อน

การเตรียมตัวก่อนลบรอยสักควรทำอย่างไร

หากตัดสินใจที่จะลบรอยสัก ควรเข้ารับการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง ซึ่งจะช่วยให้ความรู้ ความเข้าใจในการลบรอยสักแต่ละวิธี และจะช่วยให้สามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด เช่น การลบด้วยเลเซอร์สามารถลบรอยสักที่ทำจากน้ำหมึกได้ดีกว่าการใช้วิธีอื่น ๆ นอกจากนั้น รอยสักที่มีขนาดเล็กจะเหมาะกับการใช้วิธีศัลยกรรมผ่าตัดลบรอยสัก และรอยสักที่มีขนาดใหญ่จะไม่เหมาะกับการใช้มีดผ่าตัด เป็นต้น

หลังลบรอยสักมาแล้วควรปฏิบัติตัวอย่างไร

  1. หลังทำการลบรอยสักด้วยเลเซอร์ครบ 24 ชั่วโมง ให้แกะปลาสเตอร์ปิดแผลออก นอกจากนี้ในช่วง 2-3 วันแรก อย่าให้บริเวณแผลถูกน้ำเด็ดขาด
  2. ให้ล้างแผลด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาด โดยใช้ไม้พันสำลีเช็ดแผลเบาๆ วันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น หลังจากนั้นรอให้แห้ง แล้วทายาที่แพทย์สั่ง
  3. หลังจากลบรอยสักด้วยเลเซอร์ผ่านไป 48 – 72 ชั่วโมง แผลสามารถโดนน้ำได้ตามปกติ ให้ทายาที่แพทย์สั่งอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งสะเก็ดหลุด
  4. หากมีอาการปวดแผล สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ ครั้งละ 1-2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง
  5. ถ้ามีอาการอักเสบ บวมแดง ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจดูอาการ และหาสาเหตุของการอักเสบ
  6. แผลจะแห้งตกสะเก็ด และหลุดออก ภายใน 1-2 สัปดาห์ ห้ามแกะสะเก็ดออกเองเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดแผลเป็นได้
  7. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงทุกชนิด ทาลงบนแผลลบรอยสัก และหลังสะเก็ดหลุดออกมา จึงสามารถกลับมาทาครีมบำรุงได้ตามปกติ
  8. เมื่อแผลหายแล้ว แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงแสงแดด และควรใช้ครีมกันแดดอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 2-3 เดือน
  9. มารับการตรวจตามที่แพทย์ได้นัดหมายไว้

เมื่อทำการลบรอยสักมาแล้วสิ่งที่ผู้เข้ารับบริการขาดไม่ได้คือต้องทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ