กลิ่นตัวแรงมากจนคนรอบข้างถอยหนี 10 วิธีแก้ไขได้

มีผู้ที่กำลังประสบปัญหากลิ่นตัวแรงมาก มักเกิดความไม่มั่นใจในตนเองและวิตกกังวลเป็นอย่างมาก เพราะกลิ่นตัวย่อมไปส่งผลเสียต่อผู้อื่นเป็นอย่างมาก หรือการที่คนที่มีกลิ่นตัวแรงมาใกล้ชิดเรา ก็เป็นสิ่งที่รบกวนการอยู่ร่วมกันเป็นอย่างมาก ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ จึงต้องศึกษาหาวิธีแก้ปัญหากลิ่นตัวเพื่อให้แก้ปัญหาได้อย่างดีที่สุด

สาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว

การเกิดกลิ่นตัวแรงมาก เกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ฝังตัวอยู่ตามบริเวณที่กล่าวมา แล้วไปทำปฏิกิริยากับต่อมเหงื่อ 2 ต่อม คือ ต่อมเหงื่อ Eccrine และต่อมเหงื่อ Aprocrine ด้วยการย่อยสลายเหงื่อเอง จนทำให้เกิดเชื้อรา และกรดไขมัน เป็นเหตุให้เกิดความอับชื้น และเกิดกลิ่นตามมาอากาศร้อน หนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึ่งประสงค์

ต่อมเหงื่อ Eccrine และต่อมเหงื่อ Aprocrine คืออะไร

1.ต่อมเหงื่อ Eccrine เป็นการขับเหงื่อจากร่างกาย เพื่อลดอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างฉับพลัน เช่น การออกกำลังกาย การอยู่ในที่เบียดเสียด หรืออยู่ในที่ที่มีอากาศร้อน การขับเหงื่อประเภทนี้ เป็นการขับเหงื่อทั่วทั้งร่างกาย ไม่เว้นแม้กระทั่งเท้า แต่ถึงเหงื่อจะออกมากเท่าไรก็ไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เว้นเสียแต่จะมีกลิ่นอับชื้นตามมา จึงเรียกได้ “ต่อมเหงื่อชนิดที่ไม่มีกลิ่น”

2.ต่อมเหงื่อ Aprocrine เป็นการผลิตเหงื่อโดยตรง บริเวณข้อพับทั้งหลาย เช่น รักแร้ ข้อพับขา ข้อมือ ท้ายทอย อวัยวะเพศ เหงื่อที่ผลิตจากส่วนนี้ จะมีส่วนผสมของไขมัน และโปรตีน จึงทำให้เกิดปฏิกิริยากับเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย และเกิดเป็นกลิ่นตัวขึ้นมา ยิ่งทานอาหารที่มีกลิ่นจัด ๆ ก็จะพบว่ากลิ่นตัวในวันนั้น ๆ จะรุนแรงขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ว่า “ต่อมเหงื่อที่มีกลิ่น”

10 วิธีระงับกลิ่นตัว

  1. อาบน้ำ และใช้สบู่ที่ลดกลิ่นกาย ควรเลือกสบู่ที่มีสรรพคุณตรงกับที่คุณต้องการ และคุณควรอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง เพื่อไม่ให้กลิ่นเหงื่อหมักหมมในร่างกาย
  2. สระผมหลังจากออกกำลังกาย เมื่อเราออกกำลังกาย เราจะมีเหงื่อในทุกส่วนไม่เว้นแม้แต่บริเวณผม
  3. ใส่เสื้อผ้าเนื้อโปร่ง เหงื่อและกลิ่นตัว จะแปรผันตามเสื้อผ้าที่เราใช้ ยิ่งหนา ยิ่งอับ ยิ่งชื้น
  4. หมั่นกำจัดขนใต้วงแขน ยิ่งมีขนใต้วงแขน ยิ่งเสี่ยงต่อการสะสมของแบคทีเรีย
  5. อย่าใช้กลิ่นน้ำหอมแบบผสม หมายถึงถ้าใช้โรออนที่มีกลิ่น ก็ไม่ควรใช้น้ำหอม เพราะกลิ่นจะตีกัน
  6. ใช้สารส้ม สำหรับใครที่ชอบการฉีดน้ำหอม สารส้มถือเป็นตัวเลือกดี ๆ เพราะนอกจากจะลดกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้ว กลิ่นยังไม่ตีกับน้ำหอมด้วย
  7. พกทิชชู่เปียก พอเหงื่ออกมาก ให้หาโอกาสเข้าห้องน้ำ แล้วใช้ทิชชู่เปียกเช็ด ถ้าเราพกโรออนหรือสารส้มด้วย ยิ่งลดกลิ่นดี
  8. สครับผิวระหว่างอาบน้ำ เพื่อขจัดขี้ไคล และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว รวมถึงกำจัดแบคทีเรียบางส่วนออกจากผิว ควรทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง
  9. การฉีดโบท็อก สำหรับใครที่เหงื่อออกมากจนใช้อะไรก็ไม่ได้ผล แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการฉีดโบท็อกซ์ลดเหงื่อ แต่จะต้องฉีดซ้ำเรื่อย ๆ ทุก 3 – 6 เดือน ซึ่งมีราคาทำต่อครั้งค่อนข้างสูง
  10. เลเซอร์กำจัดกลิ่นถาวร การกำจัดกลิ่นตัวแบบถาวรด้วยเทคโนโลยี miraDry ถือว่าเป็นทางออกที่ดีวิธีหนึ่ง เพราะทำลายทั้งต่อมเหงื่อ และต่อมกลิ่นบริเวณรักแร้โดยเฉพาะ ทั้งมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และลงทุนเพียงครั้งเดียว

สมุนไพรดับกลิ่นตัว

ไม่ว่าเป็นฤดูไหนเมืองไทยนั้นก็ร้อน ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้มีกลิ่นตัว เนื่องจากเหงื่อที่สะสมและอาจจะมีเชื้อโรค แบคทีเรีย ทำให้มีกลิ่นตัว ปัญหานี้จะหมดไปถ้าหากได้ลองใช้สมุนไพรที่หลานหลวงสมุนไพรแนะนำ

  1. เปลือกมังคุด

มีสารแมงโกสตินที่ช่วยลดอาการอักเสบ มีฤทธิ์ต่อต้านแบคทีเรีย

เพียงนำเปลือกมังคุดแห้งมาผสมกับน้ำต้มสะอาดและนำไปพอกตรงที่อับชื้นหรือมีกลิ่น สักครูแล้วล้างออกกลิ่นจะจางลง

  1. ขมิ้น

ขมิ้นมีน้ำหอมระเหย Tumerone ที่สรรพคุณในการต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราได้ดี และยังช่วยบรรเทาอาการผดผื่นคัน แถมยังช่วยบำรุงผิวได้ด้วย เพียงนำผงขมิ้นทาใต้วงแขนหรือที่อับชื้น เท่านี้ก็ช่วยระงับกลิ่นตัวได้แล้ว

  1. ขิง

มีสรรพคุณช่วยต้านแบคทีเรีย จึงป้องกันการเกิดและฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ เพียงนำขิงและเบกกิ้งโซดามาผสมในปริมาณเท่า ๆกัน ก็ช่วยลดกลิ่นได้แล้ว

  1. อบเชย

มีกลิ่นหอมอ่อนและมีสรรพคุณช่วยต้านแบคทีเรีย นำอบเชยผสมกับเบกกิ้งโซดา ผสมในปริมาณเท่า ๆกันก็ลดแบคทีเรียได้

  1. ทีทรี ออยล์

มีฤทธิ์ต่อต้านแบคทีเรียและคล้ายยาปฏิชีวนะอ่อน ๆโดยจะกำจัดแบคทีเรียบนผิวหนังได้พร้อมยังช่วยระงับเหงื่อที่ออกมาได้ด้วยเพียงนำน้ำมันที ทรี ออยล์ 2 หยดผสมกับน้ำสะอาด2ช้อนโต๊ะจากนั้นเทส่วนผสมลงกระบอกสเปรย์แล้วฉีด

  1. สารส้ม

เป็นสุดยอดสมุนไพรดับกลิ่นตัวที่ใช้ตั้งแต่ยุคโบราณจนปัจจุบัน เพียงทาสารส้มหลังอาบน้ำเสร็จเพียงเท่านี้ก็ไม่ทำให้มีกลิ่นตัวแล้ว

บทความแนะนำ ตัดหนังหน้าท้อง จากเว็บไซต์ Rattinan.com